บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

รถกระตุก เกิดจากอะไร ?

11/พ.ค./2566

            หลังจากใช้รถยนต์ไปนาน ๆ ก็มักจะเกิดปัญหาตามมา ส่วนใหญ่ก็มักมีสาเหตุมาจากความเสื่อมสภาพ หรือการชำรุดของอุปกรณ์บางชิ้น ซึ่งปัญหารถยนต์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ก็คือ อาการ “รถยนต์กระตุก” นั่นเอง หากพบว่ารถที่ขับมีอาการเหยียบคันเร่ง รถกระตุก หรือเหยียบคันเร่งแล้วเครื่องสะดุด ควรแก้ปัญหาอย่างไร และอาการเหล่านั้นมีสาเหตุมาจากอะไร วันนี้ #ไมค์คาร์แกลเลอรี่ จะพาทุกท่านมาหาคำตอบกัน
 

ปลั๊กหัวเทียนหลวม

            หัวเทียนรถหลุดหรือหลวม ซึ่งสาเหตุนี้ทำให้เกิดกระแสไฟที่ไม่สม่ำเสมอ จนหัวเทียนไม่มีไฟไปจุดระเบิดในแต่ละรอบลูกสูบ แก้ไขด้วยการถอด-เสียบต่อใหม่หรือขยับให้หัวเทียนแน่นขึ้น หรืออีกกรณีหนึ่ง คือ หัวเทียนบอด เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการกระตุก สาเหตุที่ทำให้หัวเทียนบอดก็คือ ถูกใช้งานมานาน ขาดการตรวจเช็ค แก้ไขได้โดยเปลี่ยนหัวเทียนใหม่ เพื่อลดปัญหารถสะดุด

 

หัวฉีดสกปรก

            หัวฉีดสกปรก หรือหัวฉีดเริ่มอุดตัน มักเป็นสาเหตุที่พบได้ค่อนข้างบ่อย เพราะเมื่อหัวฉีดอุดตันจะทำให้การฉีดเชื้อเพลิงไม่สะดวก น้ำมันเชื้อเพลิงหรือแก๊สที่ถูกฉีดออกไปจะไม่เพียงพอกับสัดส่วนการจุดระเบิด ส่วนมากจะเกิดกับรถที่ผ่านการใช้งานมานาน 

            ซึ่งเมื่อเกิดการอุดตันจะส่งผลทำให้กำลังตกเร่งไม่ขึ้น เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ ถ้าปล่อยไว้นานมีโอกาสที่จะทำให้รถพังได้ แต่ที่แน่ ๆ รถจะกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้หัวฉีดอุดตันหรือสกปรกนั้นมาจากสิ่งที่เจือปนอยู่ในน้ำมัน เช่น น้ำ สนิมที่ก้นถัง รวมถึงเศษชิ้นส่วนที่หมดสภาพ ไม่ว่าจะเป็นยางท่อน้ำมัน ท่ออะลูมิเนียมและอื่น ๆ ที่ถึงแม้จะมีไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงกั้นเป็นด่านแรก แต่ก็ไม่ได้ 100% จนทำให้สิ่งสกปรกไปเกาะติดอยู่ที่หัวฉีด และทำให้เกิดการอุดตันนั่นเอง  

 

ไส้กรองอากาศสกปรก

            อีกสาเหตุที่พบบ่อยของอาการรถกระตุกนั้น มาจากที่ไส้กรองอากาศสกปรก หรือมีฝุ่นจับตัวกันอย่างหนาแน่น ทำให้อากาศไม่สามารถเข้าไปที่ห้องเผาไหม้ได้ ส่งผลทำให้เครื่องยนต์กระตุกหรือสั่นได้ 

 

กรองน้ำมันเชื้อเพลิงตัน

            กรองน้ำมันเชื้อเพลิงมีหน้าที่กรองและดักจับสิ่งสกปรก ทั้งฝุ่นผง เศษโลหะ ที่มาพร้อมกับน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนใหญ่จะใช้กระดาษกรองพับเป็นครีบเพื่อกรองสิ่งสกปรกไม่ให้หลุดรอดเข้าไปเป็นอันตรายกับชิ้นส่วนในระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นปั๊มติ๊กในหัวฉีดในเครื่องเบนซิน และปั๊มหัวฉีดในเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งถ้าเมื่อกรองน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน อาจส่งผลเสียทำให้เครื่องยนต์มีอาการสะดุด กระตุก เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงมาไม่ทันความต้องการของเครื่องยนต์

 

ลิ้นปีกผีเสื้อสกปรก

            ลิ้นปีกผีเสื้อ ทำหน้าที่เปิด-ปิดให้อากาศบริสุทธิ์ผ่านไส้กรองอากาศ เข้าไปผสมกับน้ำมันในคาร์บูเรเตอร์ ให้ได้สัดส่วนในการเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์ หากมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน จะทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น และทำให้กำลังของเครื่องยนต์ไม่ดีอย่างที่เคย
 

น้ำมันเชื้อเพลิงมีสิ่งปนเปื้อน

            ในบางครั้งการเติมน้ำมันเข้าไปที่รถเราก็ไม่ทราบว่าน้ำมันยี่ห้อนั้นมีคุณภาพหรือมีสิ่งปนเปื้อนอะไรผสมอยู่หรือไม่ แต่ปัจจุบันการจัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปั๊มมีความสะอาดและปลอดภัยมากกว่าเมื่อครั้งอดีตหลายเท่า ฉะนั้นแล้วสิ่งที่จะปนมาจากน้ำมันโดยตรงน้อยมาก แต่สิ่งที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนน่าจะมาจากสิ่งสกปรกในถังน้ำมันของรถเอง โดยสาเหตุที่หลายคนคาดไม่ถึงคือ การเกิดหยดน้ำในถังน้ำมัน ซึ่งเกิดขึ้นจากความชื้นในถังน้ำมัน เพราะเจ้าของรถปล่อยให้น้ำมันในถังเหลือน้อยเป็นประจำ

            ทั้งนี้ ถังน้ำมันที่ใช้กันอยู่จะเป็นระบบปิดเกือบเต็มร้อย เมื่อเป็นระบบปิด อุณหภูมิภายในก็เกือบคงที่โดยค่อนไปทางเย็น และเมื่อเปิดถังเพื่อเติมน้ำมันก็จะมีอากาศจากภายนอกเข้าไป ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในถัง หากพูดให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ เมื่อเรานำน้ำอัดลมแบบกระป๋องที่แช่เย็นออกมาตั้งไว้ จะเห็นว่ามีหยดน้ำเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับถังน้ำมันนั่นเอง และเมื่อวันหนึ่งเกิดอยากเติมน้ำมันเติมถัง น้ำมันก็จะไปผสมกับน้ำที่เกาะตามผนัง และเมื่อใช้งานสิ่งปนเปื้อนนี้ก็จะไหลเข้าสู่กระบวนการการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งอาจส่งผลให้การจุดระเบิดผิดเพี้ยนได้ และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์สั่นและสะดุดได้

 

            ทั้งหมดนี้เป็นเพียงสาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้เครื่องยนต์รถของเรากระตุก สะดุด ไม่ไหลลื่น ดังนั้นหากเกิดอาการดังกล่าวก็อย่านิ่งนอนใจ เพราะถึงจะแก้ไขได้ก็เป็นเพียงการแก้ไขเบื้องต้น ซึ่งสุดท้ายแล้วควรนำรถเข้าไปตรวจเช็กที่อู่หรือศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน เพื่อที่ท่านจะได้มีรถพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ลมยางรถยนต์ควรเติมเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด

รถแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นเติมแรงดันลมยางไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเติมลมยางรถเก๋งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง แต่ถ้าหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณการเติมได้ถึง 33-35 PSI เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถกระบะนั้นจะค่อนข้างใช้ลมยางที่มากกว่ารถเก๋งโดยสารตามปกติ โดยสำหรับล้อหน้าแรงดันยางจะอยู่ที่ประมาณ 36-38 PSI และล้อหลังที่ 40-42 PSI แต่ถ้าหากบรรทุกของเต็มท้ายรถ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการเติมลมเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากถึง 47-51 PSI เลยทีเดียวค่ะ

scroll up