บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

กระจกไฟฟ้า เลื่อนไม่ขึ้น ต้องทำอย่างไร ?

12/มิ.ย./2566

                ปัญหารถยนต์นั้นล้วนมีกันอยู่ทุกคัน ด้วยความที่รถนั้นผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล หนึ่งปัญหาที่รถหลาย ๆ คันอาจเจอเลยก็คือ กระจกไฟฟ้าไม่ทํางาน ไม่สามารถกดให้เลื่อนขึ้นหรือลงได้ จะต้องทำอย่างไร มีวิธีแก้ไขอย่างไรได้บ้าง วันนี้ #ไมค์คาร์ แกลเลอรี่ มีคำตอบมาฝากกันครับ

 

กระจกไฟฟ้า คืออะไร

                กระจกไฟฟ้านั้นจะพบได้ในรถยนต์รุ่นใหม่ทุกรุ่น ซึ่งเข้ามาแทนกระจกรุ่นก่อน ๆ ที่ต้องใช้การหมุนเลื่อนกระจกขึ้นลง การทำงานจะอาศัยพลังงานทางไฟฟ้าในการทำงาน โดยกระจกไฟฟ้านั้นจะมีแผงการทำงานควบคุมอยู่ฝั่งคนขับ เพื่อให้คนขับสามารถสั่งการได้จากสวิตช์แผงควบคุม ไม่ว่าจะเป็นการล็อกและปลดล็อกประตู การใช้งานกระจกรถ เป็นต้น

 

สาเหตุกระจกไฟฟ้ารถยนต์ไม่ทํางาน

  • ระบบไฟฟ้าของรถที่ส่งไปยังมอเตอร์อ่อน จะทำให้การเลื่อนขึ้น-ลง ของกระจกไฟฟ้าเลื่อนได้ช้าลงกว่าปกติ
  • ความชื้น อาจเกิดจากการล้างรถหรือโดนน้ำฝนจนซึมลงร่องคิ้วรีดน้ำของกระจกในฝั่งด้านนอก
  • ชิ้นส่วนชำรุด เช่น ฟันเฟือง ลวด และข้อต่อต่าง ๆ
  • ยางขอบกระจกเก่า เสื่อม หรือมีคราบสกปรกเกาะจำนวนมาก ส่งผลทำให้กระจกรถยนต์ฝืด

 

วิธีแก้ปัญหากระจกไฟฟ้ารถยนต์ไม่ทํางาน

  • เริ่มจากการสตาร์ทเครื่องยนต์ และทำการกดปุ่มปลดล็อคกระจกจากฝั่งคนขับ
  • มาที่ประตูของกระจกที่ไม่สามารถใช้งานได้ แล้วทุบหรือเคาะไปที่บริเวณประตู โดยให้ใช้แรงพอสมควร แต่ไม่ควรออกแรงทุบแรงจนเกินไปไม่อย่างงั้นประตูรถอาจเสียหายได้
  • ขณะเดียวกันที่เคาะหรือทุบก็ให้กดปุ่มเลื่อนกระจกขึ้น-ลง ทำซ้ำไปมาประมาณ 4-5 รอบ หรือจนกว่าจะมั่นใจว่ากระจกกลับมาทำงานได้ปกติ
  • หากไม่หายลองแกะแผงประตูออกเพื่อตรวจเช็ก แต่ถ้าดูแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ควรนำรถเข้าศูนย์ เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้ง

 

                ปัญหาที่บางคนอาจมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วมันอาจสร้างความรำคาญใจได้ เพราะหากปิดกระจกไม่ได้ก็ไม่สามารถเปิดแอร์ได้ หรือหากกระจกเลื่อนลงไม่ได้ ก็ต้องลำบากเปิดประตูเวลาจะจ่ายค่าทางด่วน ซื้อของ หรือรับส่งของ ดังนั้นอย่ามองว่านี่คือปัญหาเล็กน้อย แต่คนที่ขับรถและใช้กระจกไฟฟ้าควรใส่ใจ หมั่นตรวจสภาพกระจกของเราเสมอ หากพบความผิดปกติก็ลองใช้วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น หากแก้ไม่หายก็นำเข้าอู่เพื่อซ่อมแซมทันที จะได้ขับรถอย่างมีความสุขไม่ต้องเจอปัญหาจุกจิกมาทำให้เสียบรรยากาศในการขับรถ
 

                ดังนั้นก่อนการใช้งานรถยนต์ทุกครั้งควรตอบสอบเช็คความเรียบร้อยของกระจกรถยนต์ กดเลื่อนขึ้นลงให้ครบทุกด้าน

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ลมยางรถยนต์ควรเติมเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด

รถแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นเติมแรงดันลมยางไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเติมลมยางรถเก๋งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง แต่ถ้าหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณการเติมได้ถึง 33-35 PSI เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถกระบะนั้นจะค่อนข้างใช้ลมยางที่มากกว่ารถเก๋งโดยสารตามปกติ โดยสำหรับล้อหน้าแรงดันยางจะอยู่ที่ประมาณ 36-38 PSI และล้อหลังที่ 40-42 PSI แต่ถ้าหากบรรทุกของเต็มท้ายรถ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการเติมลมเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากถึง 47-51 PSI เลยทีเดียวค่ะ

scroll up