บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ซ่อมศูนย์ VS ซ่อมอู่ ต่างกันอย่างไร?

07/เม.ย./2566

            เมื่อซื้อรถหรือมีรถสิ่งที่ต้องมีตามมาก็คือ “การทำประกันรถยนต์” ซึ่งสำหรับมือใหม่หลายคนก็อาจจะยังไม่ทราบว่าหากเลือกทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1  หรือไม่นั้น เมื่อถึงเวลาจะต้องเคลมประกันรถยนต์ หรือส่งซ่อมจะสามารถเลือกได้ว่าจะส่ง “ซ่อมห้าง” หรือ “ซ่อมอู่” ได้ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งข้อนี้ก็คงยิ่งทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าระหว่างการซ่อมห้างกับซ้อมอู่นั้นแตกต่างกันอย่างไร แล้วควรจะเลือกซ่อมแบบไหนดี วันนี้เรามีคำตอบเพื่อการเลือกประกอบการตัดสินใจมาฝากกัน

 

ซ่อมห้าง คืออะไร?

          การซ่อมห้าง หรือที่หลายคนเรียกกันอีกอย่างว่า “ซ่อมศูนย์” คือการนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการรถยนต์ของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ โดยที่เรียกว่า “ซ่อมห้าง” เพราะคำดังกล่าวย่อมาจากคำว่า “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” ซึ่งศูนย์บริการรถยนต์ทั่วไปมักจดทะเบียนในรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด จึงเรียกกันโดยย่อสั้นๆ ว่า “ซ่อมห้าง” โดยการซ่อมห้างจะทำให้เราได้รับการบริการที่ได้มาตรฐานได้รับการรับรองอีกด้วย

 

ข้อดีของการซ่อมห้าง (ซ่อมศูนย์)

  • สามารถไว้วางใจเรื่องมาตรฐานในการซ่อมได้ เพราะอุปกรณ์ครบครัน และมีช่างที่เป็นมืออาชีพ
  • มีอะไหล่ชิ้นส่วนแท้และเป็นของใหม่ที่ส่งตรงมาจากโรงงานตามรุ่นรถยนต์โดยตรง จึงสามารถมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานได้
  • มีการจัดการที่เป็นระบบ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดน้อย และประหยัดเวลาในการส่งซ่อม
  • มีการรับประกันงานซ่อม หากมีปัญหาภายหลังสามารถนำเข้ามาเคลมใหม่ได้

 

ข้อเสียของการซ่อมห้าง (ซ่อมศูนย์)

  • มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ทั้งค่าซ่อม ค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้น รวมถึงค่าส่วนต่างอื่นๆ ด้วย
  • ด้วยการทำงานที่เป็นระบบก็อาจะทำให้ต้องรอคิวนาน และอาจจะใช้ระยะเวลาซ่อมนานกว่าการไปซ่อมอู่ 
  • ปัญหาเรื่องการเข้าถึงเพราะในบางพื้นที่หรือต่างจังหวัดอาจไม่มีศูนย์ให้บริการที่ทั่วถึง
  • การเข้าตรวจสอบรถระหว่างการซ่อมนั้นทำได้ยาก หรือไม่สามารถทำได้เลย

 

ซ่อมอู่ คืออะไร?

ซ่อมอู่ คือ การนำรถไปเข้าอู่ซ่อมรถทั่วไปตามปกตินั่นเอง ซึ่งจะแยกเป็น 2 ประเภท คือ อู่ในเครือบริษัทประกันรถยนต์ กับ อู่นอกเครือบริษัทประกันรถยนต์

  1. อู่ในเครือประกัน คือ อู่ที่มีการรับรองมาตรฐานโดยบริษัทประกันที่เราทำสัญญาเอาไว้ หากเราต้องการเคลมประกันรถยนต์ ก็สามารถนำรถเข้าไปซ่อมที่อู่ในเครือได้เลยโดยไม่ต้องสำรองจ่าย
  2. อู่นอกเครือประกัน คืออู่ซ่อมธรรมดาทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ได้รับรองมาตรฐานจากบริษัทประกัน โดยอู่ประเภทนี้คุณจำเป็นต้องหาข้อมูลอย่างละเอียด เพราะไม่ได้มีการรับประกันผลงานหรือมีแค่เพียงระยะสั้น อีกทั้งยังต้องสำรองจ่ายล่วงหน้าไปก่อน และเมื่อซ่อมเสร็จแล้ว หากนำรถกลับไปใช้แล้วเกิดปัญหาจากการซ่อม ทางบริษัทประกันจะไม่สามารถเข้าไปจัดการแก้ไขให้ได้ เนื่องจากไม่ได้มีสัญญาต่อกันแบบการซ่อมกับอู่ในเครือ

 

ข้อดีของการซ่อมอู่ (ในเครือประกัน)

  • มีราคาถูกกว่า ทั้งเรื่องของการต่อรองราคาได้ และการจ่ายค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าการซ่อมห้าง
  • สามารถเลือกคุณภาพอะไหล่รถยนต์ได้ตามความต้องการ ทั้งเกรดและยี่ห้อ 
  • สามารถเปลี่ยนอะไหล่ที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ทางกรมธรรม์กำหนดไว้ทุกประการ 
  • ระยะเวลาในการซ่อมที่รวดเร็ว เพราะสามารถพูดคุยและตกลงกันได้ง่าย
  • สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะอู่ซ่อมรถทั่วไปมีจำนวนมากกว่ากว่าศูนย์บริการ ที่มีแทบทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด

 

ข้อเสียของการซ่อมอู่ (นอกเครือประกัน)

  • เรื่องมาตรฐานในการซ่อมกับอู่นอกเครือประกันอาจมีคุณภาพน้อยกว่าการซ่อมห้าง หรืออู่ในเครือประกัน เพราะอยู่นอกเหนือการดูแลและตรวจสอบของบริษัทผู้ให้ประกัน
  • มาตรฐานของอะไหล่ที่ใช้ในการซ่อมไม่สามารถควบคุณคุณภาพได้ บางครั้งอาจไม่ใช่อะไหล่แท้ หรืออาจจะใช้อะไหล่คุณภาพไม่ดีมาเปลี่ยนให้ ซึ่งหากเป็นอู่ในเครือประกันทางบริษัทยังสามารถเข้าไปควบคุมและตรวจสอบคุณภาพได้
  • หากเกิดปัญหาหลังซ่อม อาจจะไม่สามารถนำกลับไปเคลมได้ เพราะบางอู่(นอกเครือ)อาจจะไม่รับผิดชอบแก้ไขให้ แต่ถ้าหากเป็นซ่อมห้างหรืออู่ในเครือประกันก็สามารถดำเนินการตรวจสอบผ่านบริษัทผู้ให้บริการแต่ละเจ้าได้
  • หากเลือกร้านดีหรือไว้ใจได้ก็อาจได้งานที่พึงพอใจ แต่ถ้าเลือกร้านที่ไม่มีความคุ้นเคยก็อาจได้งานที่ไม่สมบูรณ์ หรือปวดหัวกับค่าอะไหล่ และค่าแรงที่คิดเกินความเป็นจริงได้

 

แม้การซ่อมอู่จะมีข้อเสียที่มาตรฐานในการซ่อมและคุณภาพของอะไหล่ก็ตามที แต่ปัจจุบันอู่ซ่อมหลายแห่งก็มีการพัฒนาระบบและมาตรฐานให้ดีขึ้นมากแล้ว

แล้วจะซ่อมอู่หรือซ่อมศูนย์/ซ่อมห้าง อย่างไหนดี?

ผมขอแบ่งอายุรถและประเภทคนขับ ออกเป็น 3 กลุ่มครับ คือ

  • อายุรถไม่เกิน 5 ปี + คนขับไม่รู้เรื่องรถยนต์ เครื่องยนต์ อะไหล่

            กลุ่มนี้ผมแนะนำให้เลือกประกันแบบ “ซ่อมศูนย์/ซ่อมห้าง” ครับ เนื่องจากรถยังใหม่มาก หากเกิดอุบัติเหตุจะได้สบายใจกับการที่จะได้เปลี่ยนอะไหล่ของแท้เหมือนใหม่ และ ด้วยความที่คนขับอาจจะไม่ได้สนใจในเรื่องเครื่องยนต์ หรืออะไหล่รถยนต์ ถ้าหากเราไปซ่อมอู่แล้วโดนเอาอะไหล่ไม่แท้มาใส่ เราน่าจะหาทางพิสูจน์ได้ยาก ถ้าหากมีงบประมาณพอ ก็แนะนำให้เลือก “ซ่อมศูนย์” ครับ

            ทางเลือกสำหรับสายประหยัด : ถ้าหากเราเป็นคนประเภทนี้ แต่ต้องการที่จะประหยัดเงิน ผมแนะนำอีกช่องทางคือการเลือก “ซ่อมอู่” กับบริษัทประกันรถยนต์ที่เชื่อถือได้ เพราะการเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียง หรือบริการที่เชื่อถือได้ จะเป็นการหาคนช่วยรักษาผลประโยชน์ของเราทั้งในการซ่อมรถ การดูอะไหล่ และการเคลม บางบริษัทมีบริการถึงการจัดหาอะไหล่มาให้อู่ซ่อม เพื่อที่จะทำให้ลูกค้าแน่ใจได้ว่า อะไหล่ที่เอามาซ่อมเป็นอะไหล่ที่ดีมีคุณภาพนั่นเอง

  • อายุรถไม่เกิน 5 ปี + คนขับรู้เรื่องรถยนต์ เครื่องยนต์ อะไหล่ เป็นอย่างดี

            กลุ่มนี้ผมขอแนะนำประกันแบบ “ซ่อมอู่” ครับ เนื่องจากถ้าหากเจ้าของรถมีความเข้าใจเรื่องเครื่องยนต์กลไก และ อะไหล่เป็นอย่างดี ถ้าหากอู่ที่เราไปเข้าซ่อม นำอะไหล่ไม่ดีมาเปลี่ยนให้เรา เรามีสิทธิ์ที่จะร้องเรียนไปยังบริษัทประกันหรือ คปภ. ได้เลยว่าเราไม่พอใจ ตรงนี้ก็เป็นการป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่ง และนอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดค่าเบี้ยไปได้ด้วยนั่นเองครับแต่ถ้าหากเราไม่อยากมายุ่งยากตรวจสอบและมานั่งลุ้น ว่าอะไหล่ที่อู่ซ่อมให้ เป็นของแท้หรือไม่แท้ ทางเลือก “ซ่อมศูนย์” ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนะครับ

  • อายุรถเกิน 5 ปีขึ้นไป

            โดยปกติถ้าหากอายุรถเกิน 5 ปีขึ้นไปแล้ว จะหาแผนประกัน “ซ่อมศูนย์” ได้ค่อนข้างยากแล้ว และมีน้อยบริษัทที่จะรับ ถึงรับก็ราคาแพงกว่าปกติทั่วไปมากอยู่ เพราะฉะนั้นหากอายุรถของทุก ๆ คนเกิน 5 ปีแล้ว ก็อยากแนะนำให้ “ซ่อมอู่” ครับ โดยถ้าหากต้องการบริการที่ดี ไว้วางใจได้ในระดับหนึ่ง ก็อาจจะลองเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านดี และมีอู่ในเครือให้บริการครอบคลุมในหลากหลายพื้นที่นั่นเองครับ

 

            สุดท้ายนี้หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์เพิ่มเติมไม่มาก็น้อยจากบทความของทาง ไมค์ คาร์ แกลเลอรี่ นะครับ ถ้าหากสนใจรถติดต่อได้ที่ 086-8998968 คุณไมค์ หรือ LINE : @mc99

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ลมยางรถยนต์ควรเติมเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด

รถแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นเติมแรงดันลมยางไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเติมลมยางรถเก๋งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง แต่ถ้าหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณการเติมได้ถึง 33-35 PSI เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถกระบะนั้นจะค่อนข้างใช้ลมยางที่มากกว่ารถเก๋งโดยสารตามปกติ โดยสำหรับล้อหน้าแรงดันยางจะอยู่ที่ประมาณ 36-38 PSI และล้อหลังที่ 40-42 PSI แต่ถ้าหากบรรทุกของเต็มท้ายรถ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการเติมลมเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากถึง 47-51 PSI เลยทีเดียวค่ะ

วิธีการเลือกรถยนต์มือสอง

ในยุคสมัยปัจจุบันนี้การจะออกรถยนต์ใหม่ป้ายแดงสักคัน อาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายๆคนเนื่องจากเราทุกคนก็คงไม่ยากจะเพิ่มภาระให้ตัวเองในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ผู้คนส่วนใหญ่จึงหันมามองที่ตลาดรถยนต์มือสอง เพราะว่าในราคาที่เท่ากันเราสามารถที่จะซื้อรถยนต์มือสองยี่ห้อเดียวกันรุ่นที่เหนือกว่ารถยนต์ป้ายแดงยี่ห้อเดียวกัน หรือ สามารถที่จะซื้อรถยนต์รุ่นเดียวกันในราคาที่ต่ำกว่า แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อเราควรมาทราบถึงวิธีการเลือกรถยนต์มือสองที่จะทำให้เราได้รถยนต์มือสองที่สภาพดีและคุ้มค่ากับราคาและลดปัญหาที่จะพบเจอจากรถยนต์มือสองที่เราตัดสินใจซื้อ โดยขั้นตอนในการเลือกและตรวจสอบรถยนต์มือสองมีตามขั้นตอนดังนี้

scroll up