บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

เลือกซื้อรถมือสอง ยังไงไม่ให้ซ่อมบ่อย

27/มี.ค./2566

เลือกซื้อรถมือสอง ยังไงไม่ให้ซ่อมบ่อย

ปัจจุบัน " รถมือสอง" ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ นอกเหนือจากรถใหม่ป้ายแดง เพราะด้วยจำนวนเงินเท่ากัน รถมือสองมักจะได้รถรุ่นที่เหนือกว่าหรือได้รถรุ่นที่เท่ากันแต่จ่ายน้อยกว่า ตลอดจนถึงมีรถรุ่นเคยชอบอาจเลิกจำหน่ายแล้ว ซึ่งรถใหม่ป้ายแดงก็ให้ไม่ได้
 

ดังนั้นเมื่อตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองแล้ว "วิธีเลือกซื้อรถมือสอง ยังไงไม่ให้ซ่อมบ่อย" ไม่ว่าจะเป็นรถบ้านหรือรถเต็นท์ จึงเป็นเรื่องสำคัญว่าจะเลือกซื้ออย่างไรให้ได้รถที่ดีที่สุดเหมาะสมกับเงินที่จ่าย หรือพูดง่าย ๆ ว่าเสี่ยงเจอปัญหาให้น้อยที่สุด #ไมค์คาร์แกลเลอรี่ จึงขอแนะนำเทคนิคในการเลือกซื้อรถยนต์มือสองเบื้องต้น เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ครับ

  • เลือกซื้อรถมือสองต้องดูสภาพรถมือสองก่อน

สิ่งแรกเลย ในการเลือกซื้อรถมือสอง เพราะรถมือสองคือรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มีการสึกหรอไปตามกาลเวลา ถ้าซื้อรถมือสองที่สภาพรถไม่ไหว ก็ต้องเสียตังซ่อมรถค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราก็พอจะตรวจสอบเองได้ หลัก ๆ คือ ต้องดูให้แน่ใจว่าเป็นรถที่ไม่คยถูกชนหนักมาก่อน

ซึ่งบางทีการตรวจสภาพเพื่อซื้อเลือกรถมือสองนั้นต้องใช้ความเชี่ยวชาญพอสมควร จึงมีอาชีพที่เกิดมาบริการจุดนี่โดยเฉพาะ คือ การรับจ้างตรวจสภาพรถมือสอง คนรับจ้างตรวจมักเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องรถ ราคาก็จะต่างกันไปตามข้อตกลง วิธีสังเกตง่าย ๆ ว่ารถคันไหนดีหรือไม่ก็คือ ตรวจสภาพภายนอก ภายใน เครื่องยนต์ ว่ายังใช้งานได้เป็นปกติหรือเปล่า ซึ่งจากที่บอกมาบางอย่างก็เกินกำลังมนุษย์นักขับธรรมดาไปมาก ซึ่งถ้าจะซื้อรถมือสองคันนั้น เราคงต้องสอบถามประวัติจากเจ้าของเดิมและการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดร่วมด้วย

  • ดูรูปทรงของตัวรถมือสองโดยรวม

ในการเลือกซื้อรถมือสอง คือ ความสมดุลของโครงสร้าง รถใช้งานทั่วไปไม่ควรจะมีส่วนไหนที่เอียงผิดปกติ เช่น กันชน ฝากระโปรง เสาหลังคา ประตู หรือ ความสูงต่ำของด้านหน้ากับด้านหลังรถ ถ้าดูแล้วเห็นว่าเอียง โดยไม่มีการดัดแปลงสภาพรถมา ก็เดาได้เลยว่ารถคันนี้ผ่านการชนแบบหนัก ๆ มาแน่นอน

  • สีรถมือสอง

การซื้อรถมือสองการทำสีเป็นส่วนที่สำคัญมากครับ มันจะบ่งบอกร่องรอยการชนได้จากความหนาของสีแต่ละจุด ซึ่งต้องดูใกล้ ๆ บางคนที่เค้าเซียนมาก ๆ จะใช้วิธีเคาะ การทำสีมากน้อยเสียงจะต่างกัน และหมายถึงรอยแผลที่สีกลบอยู่ก็จะมากน้อยต่างกันไปด้วย ในการซื้อรถมือสองอย่าเลือกที่ทำสีมาทั้งคันโดยไม่มีเหตุผลที่ดี เพราะจำเป็นต้องทำสีใหม่หมด นอกจากการชนหนักหรือคว่ำมา

  • โครงหน้ารถมือสอง

ตรงนี้คือการดูสีข้างในเป็นสำคัญ ต้องดูรูนอตว่ากลมเป็นปกติหรือไม่ และดูรูปทรงของคานว่ายังได้รูปได้ทรงเป็นปกติ เพราะคานเป็นส่วนรับน้ำหนักถ้าเคยชนมา จะมีร่องรอยปรากฏอยู่ตรงนี้แน่นอน

  • ในห้อง ฝากระโปรง รถมือสอง

ควรเลือกซื้อรถมือสองที่เรียบร้อยมาในสภาพโรงงานครับ รูนอตต่างๆ ต้องกลม ไม่มีรอยทำสีหนาๆ ที่บ่งบอกว่ากลบร่องรอยจากอุบัติเหตุต่างๆ

  • ช่วงล่าง หรือท้องรถมือสอง

ก้มลงมองหน่อย มันจะโชว์ร่องรอยการใช้งานต่าง ๆ ได้ดีเลยล่ะ ว่าการเลือกซื้อรถมือสองในครั้งนี้เป็นรถคันที่ตัวถังได้รูปทรงอยู่ ไม่ได้ผ่านการใช้งานหนัก ซึ่งจะเห็นได้จากท้องรถนี่เอง

  • ภายในรถ

ต้องดูเป็นจุด ๆ ไป  ตั้งแต่เบาะ คอนโซลหน้า พวงมาลัย เกียร์ หน้าปัดไมล์ ผ้าหลังคารถ ของเหล่านี้สังเกตว่าใช้งานได้หรือไม่ด้วยตาเปล่าได้เลยครับ บางส่วนเจ้าของเดิมอาจเปลี่ยนมาใหม่ แต่ถือว่าเป็นส่วนที่ไม่มีอันตรายกับการขับขี่

  • แอร์รถมือสอง

ต้องเย็นและฉ่ำ ถ้าไม่เย็นต้องหาสาเหตุได้ว่ามาจากอะไร น้ำยาแอร์ หรือคอมเพรสเซอร์ หรือ ฯลฯ เหมือนจะเป็นปัญหาเล็กๆ แต่แอร์นี่มีปัญหาได้ร้อยแปดมาก ดังนั้นถ้าแก้ปัญหาไม่ได้แบบชัดเจนไม่เสี่ยงดีกว่าภายในรถ

  • ตรวจสอบเอกสารก่อนเลือกซื้อรถมือสอง เมื่อได้คันที่ถูกใจ

เมื่อตัดสินใจเลือก รถมือสองคันที่ถูกใจได้แล้ว เอกสารก็เป็นจุดสำคัญในการตรวจสอบในลำดับต่อมา ตั้งแต่

มีเล่มทะเบียนถูกต้อง รายละเอียดตรงกับรถที่จะซื้อ เช่น ใครเป็นเจ้าของ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ (หากมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ ดัดแปลงสภาพ แจ้งขนส่งหรือยัง ถ้ายังต้องมีใบแนบการซื้อเครื่องยนต์ด้วย)

-เอกสารการซื้อขาย ผู้ขายเตรียมให้ครบถ้วนหรือไม่ เช่น หนังสือสัญญาซื้อขาย สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขาย พร้อมหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ตรวจดูรหัสเครื่องยนต์ เลขทะเบียนรถด้วยว่าตรงกันทุกจุดหรือไม่

  • ทดสอบระบบเบรก

อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดงหรือรถยนต์มือสอง คือระบบเบรกของรถ ที่จะซื้อควรมีการทดสอบการทำงานของเบรกว่าใช้งานได้ปกติหรือไม่ โดยการทดลองขับ ช้าๆ และลองย้ำเบรกเบาๆ ถ้าเบรกอยู่ หยุดสนิทก็แสดงว่าเบรกยังอยู่ในสภาพดี แต่ถ้าเบรกแล้วมีเสียงดังเอี้ยดอ๊าด นั่นหมายถึงจานเบรกเริ่มสึกเป็นรอยมาก หรือผ้าเบรกเริ่มหมด จนเหมือนกับเหล็กสีกัน ถ้ามีก็ต้องเตรียมงบไว้เจียรจานเบรก เปลี่ยนจานเบรก หรือเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่

นอกจากนี้ควรจะก้มดูที่ระบบเบรกที่ล้อทั้งสี่ล้อด้วย ว่าความหนาของผ้าเบรกเหลือเท่าไหร่ (ในกรณีของดรัมเบรกล้อหลัง เช็คยากหน่อย เพราะต้องถอดล้อแกะดุมออกมาดู) มีรอยรั่วซึมของน้ำมันเบรกตามท่ออ่อนหรือไม่ เพราะถ้ามีก็แสดงว่าเบรกมีปัญหา

  • ทดลองขับก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อรถมือสอง

แม้สิ่งที่ตาเห็นขณะที่เช็ครถมือสองตอนรถจอดนิ่ง จะดีไปเสียหมด แต่จุดสังเกตของรถมือสองคันที่คุณสนใจ อาจปรากฎออกมาเพิ่มให้คุณรับรู้ได้ในขณะที่คุณทดลองขับ ดังนั้น นอกจากการตรวจสอบภาพรวมแล้ว อย่าลืมเป็นอันขาด! ที่จะทดลองขับเพื่อสังเกตดูปัญหาของรถด้วยไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ช่วงล่าง หรือแม้กระทั้งฟีเจอร์การใช้งานต่าง ๆ ภายในรถเกี่ยวกับไฟฟ้า ฯลฯ ตอนทดลองขับจะบอกคุณได้เพิ่มเติมว่ารถที่ชอบนั้น “ใช่” สำหรับคุณหรือเปล่า

 

วิธีดูรถมือสองไม่ให้ซ่อมบ่อยหรือไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของรถย้อมแมวนั้นเริ่มตั้งแต่หาแหล่งซื้อรถยนต์มือสองที่น่าเชื่อถือ ค้นหาราคากลางตรวจสอบประวัติ และสภาพรถมือสองทั้งด้านนอกและด้านในให้ดี สุดท้ายจะขาดการทดลองขับไปไม่ได้ หรือหากยังไม่มั่นใจอีกก็สามารถส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญตามศูนย์บริการตรวจสอบรถยนต์ต่าง ๆ ประเมิณสภาพเพิ่มเติมได้เพียงเท่านี้รถมือสองในฝันก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ไส้กรองอากาศ ตรวจเช็กง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ไส้กรองอากาศ มีหน้าที่ เปรียบเสมือนจมูกของคนเราเนี่ยแหละค่ะ หากสูดอากาศที่มีแต่เศษฝุ่นเข้ามาก ๆ ก็ไม่ดีต่อร่างกาย ไส้กรองอากาศจะค่อยดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปภายในเครื่องยนต์ ซึ่งเมื่อใช้งานไปนาน ๆ อาจจะทำให้เกิดการอุดตัน อากาศผ่านเข้าไปในกระบอกสูบได้น้อยลง และทำให้การเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ อายุการใช้งานของไส้กรองอากาศจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล และสภาพแวดล้อมเป็นหลัก โดยปกติทางบริษัทรถยนต์ กำหนดให้เราเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก ๆ 20,000-40,000 กิโลเมตร

scroll up