บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

5 วิธีดูแลรักษาแอร์รถยนต์

26/มิ.ย./2566

แอร์รถยนต์ ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งภายในรถ ที่ช่วยปรับอากาศภายในห้องโดยสารให้มีความเย็นสบาย ซึ่งหากเราอยากให้แอร์รถยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานได้อย่างยาวนาน ก็ควรหมั่นดูแลรักษาแอร์รถยนต์อยู่เป็นประจำ วันนี้ #ไมค์ คาร์ แกลเลอรี่ จะพาเพื่อน ๆ มาดู 5 วิธีดูแลรักษาแอร์รถยนต์ว่าจะมีอะไรบ้าง

 

1. ล้างแอร์

                เมื่อใช้รถยนต์มาได้สักระยะ ควรหมั่นล้างแอร์เพื่อทำความสะอาด โดยควรเปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุก ๆ 2 หมื่นกิโลเมตร แต่ก็แล้วแต่ลักษณะการใช้งานด้วย หากขับรถในพื้นที่ที่มีฝุ่นมาก ๆ หรือผ่านพื้นที่ก่อสร้างถนนบ่อย ๆ แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุกๆ  1 หมื่นกิโลเมตร รวมถึงควรล้างแอร์ทุก ๆ 3-4 หมื่นกิโลเมตร หรือทุก ๆ 2 ปี

 

2. เปิดแอร์ให้ถูกวิธี

          ไม่ควรเปิดแอร์จนสุดทันทีเมื่อเริ่มเปิดแอร์ โดยควรให้คอมเพรสเซอร์แอร์ได้ทำงานสักพักก่อน 5 นาที คือ หลังจากที่สตาร์ทรถแล้ว เปิดพัดลมไปที่ความเร็วสูงสุดก่อนสักพัก เพื่อเป็นการไล่ลมร้อน หรือความชื้น ที่มีอยู่ในรถและช่องแอร์ก่อน แล้วจึงค่อยเปิดสวิตช์ปรับอากาศ (A/C) โดยไม่ควรตั้งอุณหภูมิเย็นจนเกินไป จะทำให้แอร์รถยนต์ทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา และอาจทำให้แอร์เสื่อมสภาพเร็วได้

 

3. ดูดฝุ่นภายในรถเป็นประจำ

                การดูดฝุ่นในรถเป็นประจำ นอกจากจะช่วยลดฝุ่นละอองตามพรมรถ และเบาะรถยนต์แล้ว ยังลดความเสี่ยงที่ฝุ่นจะเข้าไปในอุดตันในระบบแอร์อีกด้วย เพราะฉะนั้นการดูดฝุ่นภายในรถ นอกจากจะช่วยให้รถเราสะอาดขึ้นแล้วยังช่วยให้ระบบแอร์ และอากาศภายในรถสะอาดมากขึ้นไปด้วย  

 

4. ปิดสวิตช์ A/C ก่อนถึงที่หมาย

                ก่อนขับรถถึงที่หมายสักพัก แนะนำให้ปิดสวิตช์ปรับอากาศ หรือ สวิตช์ A/C พร้อมกับเปิดพัดลมไปที่ระดับแรงสุด เพื่อเป็นการไล่ความเย็น และความชื้นออกจากระบบแอร์ ซึ่งความชื้นที่ค้างอยู่ในช่องแอร์อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นอับชื้นและบ่อเกิดของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้

5. ใส่ใจในการเติมน้ำยาแอร์

                วิธีดูแลแอร์รถยนต์ ที่คุณจะต้องใส่ใจอยู่เสมอก็คือ การเติมน้ำแอร์ที่ถูกวิธี โดยควรเติมน้ำยาแอร์ให้ถูกชนิดและอยู่ปริมาณที่ถูกต้อง ซึ่งแนะนำว่าการเติมน้ำยาแอร์ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญหรือศูนย์บริการที่จะมีการตรวจสอบเกี่ยวกับระดับการเติมน้ำยาแอร์ที่ถูกต้อง อีกทั้งยังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเติมที่ถูกวิธีที่จะส่งผลให้รถยนต์ของคุณลดความเสี่ยงในการเสียหายจากการเติมน้ำยาที่ไม่ถูกต้องนั่นเอง

 

เมื่อได้ทราบ วิธีดูแลแอร์รถยนต์ กันไปแล้ว ก็อย่าลืมนำไปใช้กันด้วย และควรขับขี่กันอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ลมยางรถยนต์ควรเติมเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด

รถแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นเติมแรงดันลมยางไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเติมลมยางรถเก๋งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง แต่ถ้าหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณการเติมได้ถึง 33-35 PSI เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถกระบะนั้นจะค่อนข้างใช้ลมยางที่มากกว่ารถเก๋งโดยสารตามปกติ โดยสำหรับล้อหน้าแรงดันยางจะอยู่ที่ประมาณ 36-38 PSI และล้อหลังที่ 40-42 PSI แต่ถ้าหากบรรทุกของเต็มท้ายรถ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการเติมลมเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากถึง 47-51 PSI เลยทีเดียวค่ะ

scroll up