บทความต้องรู้

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

การล้างรถให้ถูกวิธี !!

19/เม.ย./2564

การล้างรถให้ถูกวิธี !!

รถยนต์คันงามของคุณต้องเริ่มสกปรก หรือมีฝุ่นหรือโคลนเลอะเทอะเต็มไปหมดใช่ไหม? รถยนต์ที่ซื้อมาในราคาแพง แน่นอนว่าคุณจะต้องแก้ปัญหานี้  แต่ถ้าคุณมีเทคนิคดีๆ และ เตรียมพร้อมดีๆ การล้างรถยนต์ด้วยตัวเอง ก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถทำเองได้ !!

  1. เริ่มที่ขั้นตอนการเตรียมพร้อมสำหรับล้างรถยนต์ จอดรถในที่ร่ม ไม่ควรล้างรถกลางแดด ควรมีพื้นที่มากๆ หน่อย เพื่อความสะดวกมากขึ้นนะคะ และที่สำคัญ ไม่ควรล้างรถกลางแดด เพราะจะทำให้ผิว รถยนต์ ของคุณร้อนและแห้งเร็วไป ซึ่งจะเกิดคราบน้ำบนผิวรถของคุณ อาจทำให้ล้างทำความสะอาดยากขึ้นและเสียเวลาเพิ่มอีกด้วยค่ะ
  2. เตรียมอุปกรณ์ล้างรถ ให้พร้อม เราขอแนะนำการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้ครับ
  • ใช้ถังน้ำ 2 ใบ สำหรับใส่น้ำยาล้างรถ
  • สำหรับซักผ้าหรือล้างฟองน้ำ ควรมีสัก 2 อัน อย่างน้อยนะคะ
  • ใช้แปรงพลาสติกขัดล้อ
  • ผ้าไมโครไฟเบอร์ ควรเตรียมไว้สัก 3 ผืน ใช้แต่ละส่วน ควรแยกผ้าแต่ละผืน ผ้าเช็ดผิวรถไม่ใช้ปนกับผ้าเช็ดล้อรถ เพราะถ้าใช้ผ้าเช็ดล้อแล้วมาเช็ดผิวรถ ก็อาจจะเกิดรอยขนแมวที่ผิวรถยนต์คู่ใจของคุณได้ค่ะ
  1. ผสมน้ำยาล้างรถผสมน้ำยาล้างรถกับน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสม และเตรียมถังน้ำเปล่าสำหรับล้างฟองน้ำให้พร้อม
  2. ฉีดน้ำเพื่อขจัดคราบสกปรก การฉีดน้ำเพื่อขจัดคราบสกปรก ช่วยให้ฝุ่นหรือสิ่งสปรกที่อยู่บนผิวรถยนต์ อ่อนตัวลง โดยฉีดน้ำทั้งคันไล่จากบนหลังคารถ ลงมาด้านข้างของรถ
  3. ล้างส่วนล้อรถยนต์ก่อน ล้อรถมักจะเป็นส่วนที่สกปรกที่สุด เราจึง ควรจะล้างส่วนล้อรถยนต์ให้สะอาดก่อน เพื่อที่สิ่งสกปรกจากล้อจะได้ไม่กระเด็นไปโดนส่วนผิวรถค่ะ
  4. ให้เริ่มต้นล้างจากบนหลังคารถ ลงมาด้านข้างของรถ ก่อนจะเริ่มขัดผิวรถของคุณ ให้แช่ผ้าหรือฟองน้ำล้างรถในน้ำยาที่ผสมไว้แล้วก่อน แล้วค่อยนำมาขัดทำความสะอาดผิว ไม่ควรออกแรงขัดมากเกินไป เพราะจะทำให้รถยนต์เกิดรอยขีดข่วนหรือทำให้สีรถยนต์เสียหายได้
  5. ล้างสิ่งสกปรกออกจากฟองน้ำ หรือผ้าที่ใช้ล้างรถบ่อย ๆ เนื่องจากโอกาสที่จะเกิด รอยขีดข่วน หรือ รอยขนแมวบนรถยนต์ ของคุณได้ค่ะ
  6. หลังจากล้างน้ำยาแต่ละส่วนเสร็จ ให้ฉีดน้ำล้างน้ำยาล้างรถออกให้หมด ไม่ควรปล่อยให้น้ำยาล้างรถแห้งบนผิวรถ ถ้าปล่อยให้แห้งเองจะทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถ ควรทำแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อล้างเสร็จทั้งคันแล้ว ให้ล้างน้ำเปล่าซ้ำอีกครั้งค่ะ
  7. ควรให้รถเปียกทั้งคันขณะล้างรถ ขณะที่ล้างควรให้ผิวรถยนต์ทั้งคันเปียกน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำบนผิวรถ
  8. เช็ดรถให้แห้งด้วย ผ้าไมโครไฟเบอร์ อย่ากลัวที่จะต้องใช้ผ้าหลายผืนในการเช็ดรถ เพราะถ้าแยกผ้าเช็ดหลายผืนโอกาสที่ผิวรถจะเกิดรอยขีดข่วนก็มีน้อย ควรเช็ดทุกผิวรถให้แห้ง เพื่อป้องกันการเกิดสนิม และการเกิดคราบน้ำ เช็ดผิวโดยไล่จากด้านบนหลังคารถยนต์ลงมาด้านล่างรถยนต์ และเช็ดล้อเป็นลำดับสุดท้าย เป็นอันเสร็จขั้นตอนการล้างรถอย่างถูกวิธีแล้วค่ะ

 

เพียงเท่านี้ รถคู่ใจของคุณก็จะกลับมาสะอาด น่าใช้งานเหมือนเดิม แต่ถ้าท่านไหนที่ยังพอมีเวลาก็อาจจะลงแว็กซ์เพิ่มได้นะครับ เพื่อเพิ่มความเงางาม ฉ่ำเป็นประกายดุจรถใหม่ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการดูแลรถยนต์คู่ใจกันนะคะ

หากใครที่กำลังมองหาร้านรถยนต์มือสอง ให้คิดถึงเรา คุ้มค่าคุ้มราคา อนุมัติไว ผ่อนสบาย ฟรีดาวน์ รถมือสองพัทยา รถมือสองชลบุรี เต็นท์รถมือสองที่ใหญ่ที่สุดในพัทยา รถมือสองสภาพสวย สภาพนางฟ้า ไม่ว่าจะเป็น รถเก๋ง รถกระบะ รถครอบครัว ต้องที่นี่ “ไมค์ คาร์ เเกลเลอรี่” เท่านั้น!!!

ปล.สนใจซื้อตอนนี้มีโปรโมชั่นดีๆรออยู่

 

บทความอื่นที่ใกล้เคียง

เพราะรอยยิ้มของคุณ คือความสุขของเรา

ลมยางรถยนต์ควรเติมเท่าไหร่จึงจะดีที่สุด

รถแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นเติมแรงดันลมยางไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ แรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเติมลมยางรถเก๋งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง แต่ถ้าหากต้องบรรทุกน้ำหนักมาก เช่น กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มทั้ง 5 ที่นั่ง หรือบรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณการเติมได้ถึง 33-35 PSI เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถกระบะนั้นจะค่อนข้างใช้ลมยางที่มากกว่ารถเก๋งโดยสารตามปกติ โดยสำหรับล้อหน้าแรงดันยางจะอยู่ที่ประมาณ 36-38 PSI และล้อหลังที่ 40-42 PSI แต่ถ้าหากบรรทุกของเต็มท้ายรถ ก็สามารถเพิ่มปริมาณการเติมลมเพื่อรองรับน้ำหนักได้มากถึง 47-51 PSI เลยทีเดียวค่ะ

scroll up